การไหว้สาร์ทจีน หรือ ชิกง้วยปั่ว จะอยู่ในช่วงกลางปีที่อากาศร้อน เป็นช่วงที่ตัวหยินเริ่มต้นนับหนึ่งตัวแรก (ครึ่งปีแรกตัวหยาง 6 ตัว ครึ่งปีหลังตัวหยิน 6 ตัว) ตรงกับเดือน 7 ของจีน ซึ่งอากาศจะร้อนที่สุด ดังนั้นในอดีต การทำเรื่องต่าง ๆ มักมีอุปสรรค มีปัญหา ผู้คนมักเจ็บป่วย และ สัตว์เลี้ยงก็มักเจ็บป่วยด้วย หลายคนจึงหันมาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อช่วยคุ้มครองตนและสัตว์ที่เลี้ยงไว้ให้มีความแข็งแรง ไม่มีโรคภัย ไม่เกิดโรคติดต่อ ในอดีต ด้วยเหตุที่ช่วงเดือน 7 มีคนตายมาก คนจีนโบราณจึงคิดไปว่าเป็นช่วงของการปล่อยผีของอีกภพหนึ่ง ผีจะดุ ทำให้คนตายมาก โดยเฉพาะวันขึ้น 7 ค่ำ เดือน7 เป็นวันที่ทางนรกจะปล่อยพวกผีให้ออกมาหากิน เรียกว่าวันปล่อยผี หรือวันวิญญาณไร้ญาติออกมาระเหเร่ร่อน คนจีนจึงเชื่อว่าเดือน 7 ผีมาก ไปไหนมาไหนให้ระวังผีดุทั้งที่แท้จริงเป็นเพราะอากาศร้อนจัดจึงทำให้มีคนตาย
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้คนจีนรุ่นเก่าจะไม่ให้ลูกหลานออกนอกบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดิน เพราะหากออกจากบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดินแล้วไปเจอสิ่งไม่ดี ลูกหลานก็จะนำพาสิ่งไม่ดีเข้าบ้านตามมาด้วย คนจีนรุ่นเก่าจึงห่วงลูกหลานในช่วงนี้มากที่สุด
ดังนั้น ก่อนการไหว้สาร์ทจีน 15 วัน ซึ่งเป็นช่วงการปล่อยสัมภเวสี จึงได้มีพิธีเทกระจาดเกิดขึ้น หมายถึงการให้ทาน เพื่อเราจะได้ให้อาหารแก่วิญญาณเหล่านี้ อันเป็นพิธีที่เอื้อให้กับคนที่ไม่มีจะกิน เป็นการให้ทานโดยตรงกับมนุษย์ และ ให้ทานกับอีกภพหนึ่งไปด้วย โดยจะมีการให้ข้าวสาร รวมทั้งอาหารการกินต่าง ๆ โดยจะทำพิธีเทกระจาดในวันขึ้น 1 ค่ำเดือน 7 ถึงวันที่ 30 ของเดือน 7 ในตอนเช้า เริ่มจากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้าน ไหว้ครูบาอาจารย์ ไหว้ฟ้าดิน และ ไหว้สัมภเวสี ถึงจะไปให้ทานคนยากจน
เมื่อถึงวันไหว้สาร์ทจีน คนจีนจะไหว้เจ้าในตอนเช้า เริ่มจากไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้านก่อน คือ ไหว้พระ ไหว้ปึงเถ้ากง ไหว้เทพเจ้าที่บูชาภายในบ้าน ไหว้ฟ้าดินกลางแจ้ง และ กลับเข้าบ้านมาไหว้เจ้าที่ ต่อมาถึงเป็นการไหว้หิ้งบรรพบุรุษภายในบ้าน จบท้ายด้วยการไหว้ผีไร้ญาติ หรือ สัมภเวสีที่สิงสถิตอยู่ก่อนที่เราจะเข้ามาสร้างบ้าน เมื่อไหว้เสร็จก็แจกจ่ายอาหารไหว้ให้คนในบ้าน หรือ แจกให้ลูกหลานรับประทานกัน
วิธีการไหว้
ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้าน และ ฟ้าดิน จากนั้นถึงมาไหว้หิ้งบรรพบุรุษ ปู่ ย่า ตา ยาย ที่อยู่ภายในบ้าน โดยให้ไหว้ด้วยกระดาษเงินกระดาษทอง ที่ไม่ใช่กระดาษเงินกระดาษทองชั้นสูงสุด พร้อมทั้งอาหารเซ่นไหว้ การจุดธูปไหว้บรรพบุรุษจะไหว้ด้วยธูป 1 ดอก หรือ บางคนอยากไหว้ด้วยธูป 3 ดอกก็ได้ และ ต้องไหว้ 3 ครั้ง 3 ลา ซึ่งผู้ที่มีอายุมากที่สุดในบ้านต้องเป็นผู้ที่ไหว้ก่อน ไล่ตามลำดับอายุมากไปหาอายุน้อย เพราะคนจีนถือว่าลำดับสำคัญที่สุด ต้องรู้จักที่ต่ำที่สูง รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ ส่วนมากคนจีนที่อยู่ในเมืองไทยสมัยนี้จะละเลย ยกตัวอย่าง เวลารับประทานอาหาร คนจีนถือว่าต้องเรียกผู้ใหญ่ให้มารับประทานก่อน แล้วลูกหลานถึงรับประทานได้ แต่ลูกหลานจีนสมัยนี้จะรับประทานก่อน ไม่เรียกเลย ความเห็นแก่ตัวของคนปัจจุบันมีมากขึ้น
ภายหลังจากการไหว้บรรพบุรุษ ก็มาถึงการไหว้สัมภเวสี สมัยก่อนการไหว้สัมภเวสีจะไหว้กันนอกบ้าน นอกขอบประตู หรือ นอกขอบธรณีประตู ต่างจากปัจจุบันที่บางบ้านจะตั้งเครื่องบวงสรวงไหว้สัมภเวสีไว้ในบ้าน เพราะบ้านเรือนบางบ้านเป็นตึกแถว จะไหว้ตรงถนนทางเดินก็ไม่เหมาะที่จะประกอบพิธีไหว้สัมภเวสี คนจีนสมัยนี้จึงหันมาไหว้สัมภเวสีภายในของประตูบ้านแทน แต่ถึงอย่างไรก็ต้องตั้งให้อยู่ใกล้ ๆ กับประตูบ้านเป็นดีที่สุด แต่การไหว้สัมภเวสีจะไม่ไหว้ด้วยจำนวน 5 อย่าง ควรไหว้เป็นจำนวน 10 อย่างดีที่สุด อันหมายถึงธาตุทั้ง 5 ซึ่งคนจีนได้แบ่งธาตุทั้ง 5 ออกเป็นหยินกับหยาง คือ ชายกับหญิงรวมกันเป็น 10 เช่น ธาตุไม้จะมีทั้งหยินและหยาง ทำนองเดียวกันกับ ธาตุไฟ ธาตุดิน ธาตุทอง ธาตุน้ำ ก็จะมีทั้งหยินและหยาง รวมกันเป็น 10 อย่าง ถ้านอกเหนือจากการไหว้ตามสาร์ทแล้ว ควรไหว้สัมภเวสีด้วยธูป 1 ดอก
ของไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้าน และฟ้าดิน
อาหารเจ 5 อย่าง
ขนมหวาน 5 อย่าง
ผลไม้ 5 อย่าง
น้ำชา/น้ำเปล่า
เครื่องบรรณาการต่าง ๆ
ดอกไม้ ธูปเทียน
ของไหว้หิ้งบรรพบุรุษ
อาหารคาว 5 อย่าง เช่น เต้าหู้ ปอดหมู กระเพาะหมู
ข้าวสุก 5 ถ้วย (ข้าวสุกเราต้องใส่ถ้วย เพราะการไหว้บรรพบุรุษตามมารยาทแล้วเราต้องตักข้าวให้ผู้ใหญ่ และจัดให้มีช้อน ตะเกียบวางไว้ด้วย ไม่ต้องมีถ้วยเปล่าเพิ่ม เนื่องจากเราตักข้าวใส่ถ้วยไว้ให้แล้ว)
ขนมหวาน 5 อย่าง , ผลไม้ 5 อย่าง
เครื่องบรรณาการต่าง ๆ , ดอกไม้ ธูป เทียน
น้ำชา (ไหว้บรรพบุรษ น้ำชา 3 ถ้วย , ไหว้เผื่อเพื่อนฝูง น้ำชา 5 ถ้วย)
เครื่องบวงสรวงที่ใช้สำหรับไหว้สัมภเวสี
หมู เป็ด ไก่ กุ้ง ปู ปลา
ผลไม้ 10 อย่าง
ข้าวสุก 1 หม้อ
อาหารคาว เช่น เครื่องในหมู หมูสามชั้น เต้าหู้ เต้าหู้ผัดผัก
อาหาเจ 5 อย่าง คือ วุ้นเส้น ฟองเต้าหู้ สาหร่าย เห็ดหอม เห็ดหูหนู
ขนมหวาน 10 อย่าง อย่างละ 1 ถ้วย เช่น ขนมถ้วยฟู สาคูแดง (ในกรณีไหว้สัมภเวสีด้วยขนมหวาน ซึ่งอาจจะไหว้ด้วยสาคู หรือ ขนมบัวลอย เราสามารถใช้สาคูแดง 10 ถ้วยไปเลย แต่ถ้าเป็นขนมชั้น ทองหยิบ ฝอยทอง ถ้าใช้อย่างละ 10 ถ้วย มันจะมากเกินไป จึงให้ใช้อย่างละ 1 ถ้วยก็พอ แต่ให้มีขนมหวานครบ 10 อย่าง จะสังเกตุได้ว่า ขนมนั้นเป็นชิ้น ก็ให้ไหว้ 1 ถ้วยได้ แต่ถ้าขนมนั้นไม่สามารถหยิบเป็นชิ้นได้ก็ให้ไหว้ 10 ถ้วยเลย หลักการนี้ สามารถใช้ในกรณีการไหว้เจ้า ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วย)
เครื่องดื่ม น้ำอัดลม เหล้า
น้ำชา ซึ่งน้ำชาจะต้องไหว้ 10 ถ้วย
จานเปล่า 10 ใบ
ถ้วยเปล่า 10 ถ้วย
ตะเกียบ 10 ชุด
ช้อน 10 ชุด (การไหว้สัมภเวสีต้องเรียงช้อน ตะเกียบ ถ้วยเปล่าไว้ข้าง ๆ หม้อข้าวเพื่อให้สัมภเวสีตักเอาเอง ส่วนปลายช้อนให้หันเข้าสิ่งที่ไหว้)
สบู่ แชมพู ผงซักฟอก เครื่องแต่งตัว เครื่องสำอางค์ เครื่องใช้ต่าง ๆ ซึ่งหลังจากไหว้เสร็จ เราก็ได้ใช้ด้วย
กระดาษไหว้เจ้า รวมทั้งเสื้อผ้าที่เป็นกระดาษ เครื่องใช้ที่เป็นกระดาษ รถยนต์ ตู้เย็น ตู้เซฟ (ที่เป็นกระดาษ) เป็นต้น
ดอกไม้ 1 คู่
เทียน 1 คู่
ธูป 10 ดอก (การไหว้สัมภเวสีด้วยธูป 10 ดอก แท้จริงเพื่อระลึกถึงเจ้าแม่ธรณีก่อน แล้วเจ้าแม่ธรณีก็จะให้สัมภเวสีมารับเครื่องบวงสรวงอีกที แต่ไม่ได้หมายความว่า เครื่องบวงสรวงนี้ถวายให้เจ้าแม่ธรณีเพียงเราต้องระลึกถึงท่านก่อน)
น้ำเปล่า 1 ถัง ใส่ยอดทับทิมลงไปในน้ำ เพื่อมาพรมในบ้านให้เกิดสิริมงคล ให้โชคดีมีชัย แคล้วคลาดปลอดภัย
ข้าวสาร เกลือ เหรียญเงินเหรียญทอง รวมกัน 1 จาน หรือ 1 ถาดใหญ่ เมื่อไหว้เสร็จก็ให้นำข้าว เกลือ เหรียญเงินเหรียญทอง มาสาดในบ้าน เพื่อจะได้ขจัดสิ่งที่ไม่ดีออกไปจากบ้าน และ ให้มีแต่ความอยู่ดีมีสุข แคล้วคลาดปลอดภัย